8/10

ปิดฉากตำนานเจไดยุคเก่า สู่เรื่องราวบทใหม่

นี่คือสงครามดวงดาวที่ปิดตำนานเจไดยุคไตรภาคที่ 2 อย่างสิ้นเชิง โดยเนื้อเรื่องจะต่อจากภาค 7 แต่ถึงไม่เคยดูภาคอื่นๆมาก่อน ก็จะพอดูรู้เรื่องได้อยู่ แต่ก็อาจจะไม่รู้จักตัวละครเก่าๆ ซึ่งภาคล่าสุดนี้ สำหรับคอหนังแอคชั่นคงจะเซ็งไปตามๆกัน เพราะเป็นภาคที่เน้นหนักไปทางเนื้อเรื่อง และฉากไคลแม๊กซ์ที่หลายๆคนตั้งตารออย่างการฟาดฟันของกระบี่แสงไลท์เซเบอร์นั้น มีฉากเดียวจริงๆ แถมเป็นฉากสั้นๆที่ไม่ยาวมาก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่พอสมควร ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าการปูทางไปสู่ตำนานบทใหม่นั้น จะมีฉากการฟาดฟันของไลท์เซเบอร์มากกว่านี้ (อยากได้แบบภาค 3มากๆ)

.

เรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างฝ่ายต่อต้านและฝ่ายจักรวรรดิยังไม่จบ เรื่องราวจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือฝ่ายต่อต้านกับจักรวรรดิ และ เรย์กับไคโร เรน ซึ่งพอมาคิดๆดูแล้ว ภาคนี้เหมือนสเกลการต่อสู้และเนื้อเรื่องจะเล็กมากๆ ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เพราะมีแค่จักรวรรดิรุกไล่ฝ่ายต่อต้าน หนีก็หนีไม่พ้น ต้องไปทำภารกิจบางอย่างแค่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นฉากการทำภารกิจ ไล่ล่า และมีการขับยานนิดๆหน่อยๆ ซึ่งก็พอทำให้ลุ้นๆได้ดีเลยทีเดียว เพราะตัวหนังจะมีหักมุม พลิกไปพลิกมาให้เราคาดเดาไม่ถูก และมันจะค่อยๆลุ้นขึ้นเรื่อยๆ ยันท้ายเรื่องเลย

ส่วนทางด้านเจได เกี่ยวกับการฝึกพลังฟอร์ซ ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพลังและการใช้พลัง ซึ่งฉากฝึกนี้ก็กินเวลาไปพอสมควรอยู่ ส่วนตัวร้ายที่ควรจะเป็นฉากไคลแม๊กของเรื่อง กลับตายง่อยๆ ฉากไลท์เซเบอร์ฟาดกันที่ควรจะเป็นไฮไลท์ กลับมีแค่ฉากเดียว และรู้สึกว่ามันไม่ได้เท่มากเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้สึกสนุกได้อยู่บ้าง อย่างที่บอกว่าภาคนี้เน้นไปด้านเนื้อเรื่อง ดังนั้น เราจะได้เห็นการพัฒนาของตัวละครอย่าง เรย์ และ ไคโร เรน และอดีตของเขา แต่ความรู้สึกว่าการเข้าด้านมืดของไคโรเรนนั้น มันยังไม่เข้มข้นเท่ากับตอนอนาคินซักเท่าไหร่ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเนื้อเรื่องภาคนี้พลิกไปพลิกมา ฝั่งเจไดเองก็มีการพลิกเช่นกัน รับรองว่าคุณจะเดาตอนจบไม่ถูกอย่างแน่นอน ซึ่งแม้จะจบแบบน่าเสียดายหน่อยๆ แต่มันก็ร้อง ว้าว ได้พอสมควรว่า เฮ้ย เล่นแบบนี้เลยหรอ 

.

เรื่องภาพ ด้าน cg effect ต่างๆโคตรสวย ไม่มีฉากลอยๆมาให้เห็นเหมือนหนังรวมซุปเปอร์ฮีโร่ แถมเหล่าสรรพสัตว์ในจักรวาลของเรื่องนี้ยังมีหน้าตาแบ๊วๆน่ารักแล้ว ยังมีมุขตลกใส่มาให้เฮฮาเป็นสีสันอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งมันก็มีแค่พอประมาณ ไม่ได้ใส่มาจนล้นถึงขั้นทำลายบรรยากาศหนังซะทีเดียว

.

สุดท้าย ก็เป็นที่น่าจับตามองว่าในภาค 9 นั้น เนื้อเรื่องจะไปในทิศทางใด ไม่สามารถคาดเดาได้เลย เพราะภาคนี้เล่นซะไม่เหลือที่ยืนให้เจไดเลย แม้จะมีการปูเรื่องราวไปยังภาคหน้าแล้วก็ตาม ส่วนไฮไลท์อย่างการฟาดกระบี่แสงด้วยลีลาเท่ๆนั้นจะจางหายไปในภาคหน้าหรือไม่ คงต้องให้คุกกี้ทำนายกัน

.

สรุป ภาค 8 ของสงครามดวงดาวนี้ เน้นหนักไปทางเนื้อเรื่องที่พลิกผันอยู่ตลอดเวลาจนคุณไม่สามารถคาดเดาได้ เนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไร นอนไม่พอก็ยังดูเข้าใจได้ มีฉากการทำภารกิจให้ดูลุ้นๆและพลิกผันอยู่เรื่อยๆ แม้ฉากการต่อสู้ด้วยไลท์เซเบอร์จะน้อยไปมากๆ แต่ก็พอทดแทนด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตามอยู่ตลอดเวลา และเป็นภาคที่เปลี่ยนถ่าย star war ไปสู่ยุคใหม่ ซึ่งก็เป็นคำถามว่า star war ยุคหน้าเรายังจะมีเจไดอยู่อีกมั้ย

(Visited 298 times, 1 visits today)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *