9/10
สนุกสมกับการกลับคืนสู่มาเวล
หลังจากสไปดี้ไปอยู่กับ sony หลายปี ก็ได้เวลาที่สไปดี้จะกลับคืนสู่มาเวล นับว่าเป็นการีบู๊ทรอบที่ 3 ของสไปเดอร์แมน มารอบนี้เหมือนมาเวลรู้ว่าปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ โดนแมงมุมกัดบ่อยไปละ เลยตัดทิ้งมันเลย เราไม่ต้องนั่งรอปีเตอร์โดนแมงมุมกัดแล้ว เริ่มเรื่องมาก็เป็นสไปเดอร์แมนเลย
ไทม์ไลน์ของหนังจะเริ่มครั้งแรกหลังจบ Avenger ภาคแรก และเรื่องราวของหนังจะต่อจาก Civil War ถ้าใครไม่เคยดู 2 เรื่องนี้ หนังก็ยังคงดูรู้เรื่องอยู่ เพียงแต่อาจจะขาดอรรถรสในการชมไปซักหน่อย
เรื่องราวของสไปเดอร์แมนภาคนี้ เป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของทุกเวอร์ชั่น เพราะตัวสไปเดอร์แมนมันมีความเป็นฮีโร่มากกว่าทุกๆภาค ทั้งๆที่ตัวสไปเดอร์แมนเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นเกรียนๆ ที่จะเลือกฟังเพื่อนเพื่ออวดสาวที่ชอบโดยไม่สนใจตัวร้ายแบบที่ไอร่อนแมนสั่งก็ได้ แต่เค้าเลือกที่จะทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน แล้วทำหน้าที่ของฮีโร่ของตัวเองโดยไม่ลังเลเลย ทำให้รู้สึกประทับใจในความเป็นฮีโร่ของมัน
มุกตลก ด้วยความที่เป็นเด็กวัยรุ่น กำลังเกรียนได้ที่ แถมอยู่กับเพื่อนเกรียนๆด้วย ความฮาจึงบังเกิด มุกตลกไม่มีการเล่นพร่ำเพรื่อแบบมุก 5บาท 10บาท เล่นกี่มุกก็ชวนฮาลั่นโรงได้เรื่อยๆ แม้กระทั่งฉากแอคชั่นเล็กๆน้อยๆ ก็ยังจะเล่นให้ฮาอีก ทำให้ตลอด 2ชม.ของเรื่องนี้ ไม่มีฉากที่ชวนให้ง่วงได้เลย
ด้านฉากแอคชั่น จัดได้ว่าดูสนุกและเรื่อยๆมากกว่า มีอะไรให้ลุ้นเล็กๆน้อยๆไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่ ไม่ได้ระห่ำหรือวินาศสันตะโรแบบสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นแรก อาจจะเพราะตัวร้ายมันยังไม่ได้ทำเรื่องที่มันอยู่ในระดับหายนะก็เป็นได้ ส่วนเรื่องสเกลพลังของสไปเดอร์แมน ต้องทำใจหน่อย มันยังไม่โตพอที่จะเก่งไปสู้กับตัวร้ายระดับเทพๆได้
ไอร่อนแมนที่คนแซวกันว่า เป็นไอร่อนแมนภาค 4 บอกตรงๆว่าบทมันน้อยมาก เป็นแค่ตัวเสริมให้เรื่องมันสนุกขึ้นเท่านั้น แต่ก็ตัดทิ้งไม่ได้ แถมชุดสูทสไปเดอร์แมนก็เป็นของไอร่อนแมนนี่แหละที่ทำ แถมล้ำกว่าทุกเวอร์ชั่นซะด้วย ลองไปดูกันนะว่าจะล้ำขนาดไหน
สรุป สไปเดอร์แมนภาคนี้ เรื่องไม่ยืดเยื้อ ไม่ต้องนั่งดูแมงมุมกัดหรือลุงเบนโดนโจรยิงตายรอบที่ 3 มุกตลกที่ยิงมาเรื่อยๆตลอดเรื่องทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ฉากแอคชั่นที่ผสมกับมุกตลก ทำให้ดูได้เรื่อยๆ ข้อเสียของเรื่องนี้คือฉากไคล์นแม๊กซ์อาจจะไม่ได้ลุ้นจนตัวโก่ง หรือ สู้จนพินาศไปข้าง แต่ก็ยังถือว่าสนุกได้ในระดับนึง
**หนังเรื่องนี้มี 2 end credit นะ